การขยายตัวของสนามสอบนักธรรม: จากกรุงเทพฯ สู่ “สนามหลวง” ทั่วประเทศ

การจัดระบบการศึกษานักธรรมของคณะสงฆ์ไทยไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในชั่วข้ามคืน แต่มีวิวัฒนาการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะในมิติของ จำนวนและลักษณะของสนามสอบ ที่ขยายตัวและปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในเมืองหลวง สู่ความเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วแผ่นดิน

๑. ยุคเริ่มต้น: การทดลองในกรุงเทพฯ (พ.ศ. ๒๔๕๔)

เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงริเริ่มการสอบ “สามเณรรู้ธรรม” (ต้นกำเนิดนักธรรมชั้นตรี) เพื่อคัดกรองสามเณรสำหรับการยกเว้นเกณฑ์ทหารนั้น การสอบในยุคแรกจำกัดวงอยู่เพียงในกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการทดลองระบบ

ในระยะนี้ มีการจัดตั้ง สนามสอบนำร่อง ๔ แห่ง โดยแบ่งเป็นตำบล (โซน) ได้แก่:

  1. วัดบวรนิเวศวิหาร
  2. วัดมหาธาตุ
  3. วัดสุทัศนเทพวราราม
  4. วัดเบญจมบพิตร

๒. ยุคกระจายอำนาจ: สู่สำนักเรียนใหญ่และหัวเมือง (พ.ศ. ๒๔๖๐)

เมื่อหลักสูตรนักธรรมชั้นตรีเริ่ม “ปลูกติด” และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ได้ทรงขยายขอบเขตการสอบโดยอนุญาตให้ วัดที่เป็นสำนักเรียนใหญ่ในกรุงเทพฯ สามารถจัดสอบนักธรรมชั้นตรีได้เอง โดยให้ผลการสอบมีศักดิ์และสิทธิ์เป็น “นักธรรมหลวง” เทียบเท่าสนามกลาง

รายชื่อ ๘ สำนักเรียน ที่ได้รับอนุญาตในยุคแรก ได้แก่:

  • วัดบวรนิเวศวิหาร (รวมสำนักวัดราชาธิวาส)
  • วัดมหาธาตุ
  • วัดเบญจมบพิตร
  • วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
  • วัดสุทัศนเทพวราราม
  • วัดเทพศิรินทราวาส (รวมสำนักวัดบรมนิวาส)
  • วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม (รวมคณะแขวงในกรุงเทพฯ)
  • วัดอนงคาราม (รวมสำนักวัดประยุรวงศ์และวัดราชโอรส)

นอกจากนี้ ในส่วนภูมิภาคยังมีการขยายตัวสู่หัวเมืองในหลายมณฑล โดยจัดตั้งเป็น สนามมณฑล หรือ สนามจังหวัด ซึ่งแม้จะใช้หลักสูตรตามแนวทางส่วนกลาง แต่ยังมีความยืดหยุ่นในเรื่องข้อสอบและวันเวลาสอบอยู่บ้าง

๓. ยุครวมศูนย์มาตรฐาน: “สนามหลวง” ทั่วประเทศ (พ.ศ. ๒๔๗๐)

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดเกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ (สมัยกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์) เมื่อมีการปฏิรูประบบการสอบครั้งใหญ่เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างมาตรฐานเดียว (Single Standard)

การปฏิรูปครั้งนี้กำหนดให้ สนามสอบนักธรรมทั้ง ๓ ชั้น (ตรี โท เอก) ทั่วราชอาณาจักร มีสถานะเป็น “สนามหลวง” ทั้งหมด โดยยึดหลักการสำคัญ ๓ ประการ:

  1. ข้อสอบเดียวกันทั่วประเทศ: เพื่อวัดมาตรฐานความรู้ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะสอบที่เมืองหลวงหรือต่างจังหวัด
  2. สอบพร้อมกันทั่วประเทศ: กำหนดวันสอบให้ตรงกัน เพื่อป้องกันการรั่วไหลและลดภาระการจัดสอบซ้ำซ้อน
  3. ไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าสอบ: เปิดกว้างให้ภิกษุสามเณรผู้มีความรู้เข้าสอบได้โดยเสรี

บทสรุป: การเดินทางจากศูนย์กลางสู่ความเป็นหนึ่ง

พัฒนาการของสนามสอบนักธรรมสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของคณะสงฆ์ไทย เริ่มจากการทดลองระบบในกรุงเทพฯ เพียง ๔ สนาม ขยายสู่สำนักเรียนใหญ่ ๘ แห่ง และในที่สุดก็หลอมรวมเป็น “สนามหลวง” ที่ครอบคลุมทั่วราชอาณาจักรในปี พ.ศ. ๒๔๗๐

การขยายตัวนี้มิใช่เพียงการเพิ่มสถานที่สอบ แต่คือการสร้าง “ความเสมอภาคทางการศึกษา” ที่เป็นปึกแผ่น มั่นคง และเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ระบบการศึกษานักธรรมยั่งยืนสืบมาจนถึงปัจจุบัน

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *