พระไตรปิฎกศึกษา ตอนที่ ๓๒ อัคคัญญสูตร: เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่อง “กำเนิดจักรวาล” (และรื้อถอนมายาคติเรื่องชนชั้น)

หากจะหา “จุดตัด” ที่สมบูรณ์แบบระหว่างจักรวาลวิทยา (Cosmology), มานุษยวิทยา (Anthropology) และการปฏิรูปสังคม (Social Reform) ในพระไตรปิฎก คงหนีไม่พ้น อัคคัญญสูตร (Aggañña Sutta)

พระสูตรนี้ไม่ใช่แค่ตำนานการสร้างโลก แต่คือ “Social Satire” (บทเสียดสีสังคม) ที่เฉียบคมที่สุดในยุคพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงหยิบยกเรื่องราวกำเนิดจักรวาลมาเล่า ไม่ใช่เพื่อให้เรางมงายในปาฏิหาริย์ แต่เพื่อ “Deconstruct” (รื้อถอนโครงสร้าง) ความเชื่อเรื่องชนชั้นวรรณะที่กดขี่ผู้คนมานับพันปี

๑. วาทกรรม “เลือดบริสุทธิ์”: เมื่อพราหมณ์เคลมว่าตนคือบุตรพระเจ้า เรื่องราวเปิดฉากที่บุพพาราม เมื่อ วาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ สองหนุ่มไฮโซจากตระกูลพราหมณ์ ตัดสินใจทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์มาบวชเป็นสามเณร แต่กลับต้องเจอกับ Hate Speech จากพวกพราหมณ์ด้วยกันเองที่ด่าทอว่า: “พวกเจ้าทิ้งวรรณะสูงสุด ไปคบหากับพวกลูกชาวบ้าน (สมณะโล้น)! พราหมณ์เท่านั้นคือบุตรจากปากพระพรหม ส่วนพวกอื่นเกิดจากเท้า!”

เมื่อเรื่องนี้ถึงพระเนตรพระกรรณ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงโกรธ แต่ทรงใช้ “Fact Check” (ตรวจสอบความจริง) ทางชีววิทยาตอกกลับไปแบบนิ่มๆ ว่า: “พราหมณ์อ้างว่าเกิดจากปากพระพรหม… แต่เราก็เห็นกันอยู่ว่า พราหมณีของพวกเขาก็มีประจำเดือน ตั้งครรภ์ และคลอดลูกทางช่องคลอดเหมือนผู้หญิงทั่วไป… นี่เป็นการกล่าวตู่พระพรหมชัดๆ!”

๒. จักรวาลวิทยาฉบับพุทธ: จาก “แสงสว่าง” สู่ “ความหิวโหย” เพื่อหักล้างความเชื่อเรื่อง “พระเจ้าสร้างโลก” และ “ชนชั้นศักดิ์สิทธิ์” พระพุทธองค์ทรงพาเราย้อนเวลากลับไปสู่จุดเริ่มต้นของจักรวาล (Cosmic Genesis) ในมุมมองที่น่าทึ่งว่า

  • ยุคเริ่มต้น (Primordial State): สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มไม่ได้เป็นมนุษย์ แต่เป็น “อาภัสสรพรหม” (จิตประภัสสร) ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ลอยไปมาในอากาศ ไม่มีเพศ ไม่มีบ้าน กินปีติเป็นอาหาร
  • จุดเปลี่ยน (The Turning Point): เมื่อโลกเย็นตัวลง เกิด “ง้วนดิน” (Savory Earth) ลอยอยู่บนน้ำ กลิ่นหอมเหมือนเนยใส
  • ความอยาก (Craving): สัตว์ตนหนึ่งลองชิมง้วนดิน… ความอร่อยทำให้เกิด “ตัณหา” เมื่อเริ่มกินอาหารหยาบ แสงสว่างในตัวก็ดับลง (The Loss of Radiance) ทำให้โลกมืดมิด จนต้องมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

๓. วิวัฒนาการสังคม: เมื่อ “ความโลภ” สร้าง “ชนชั้น” พระพุทธองค์ทรงฉายภาพวิวัฒนาการ (Evolution) ที่เชื่อมโยง “ความเสื่อมทางกายภาพ” กับ “ความเสื่อมทางศีลธรรม” ไว้อย่างน่าสนใจว่า

  1. การกลายพันธุ์: พอกินอาหารหยาบ ร่างกายก็หยาบขึ้น ผิวพรรณเริ่มต่างกัน เกิดการดูถูกเหยียดหยาม (Origin of Discrimination)
  2. เพศสภาพ: พอกินข้าวสาลี ร่างกายก็พัฒนาระบบสืบพันธุ์ เกิดเพศหญิงเพศชาย และนำไปสู่การเสพเมถุน จนต้องสร้างบ้านเรือนเพื่อปกปิด (Origin of Privacy/Family)
  3. การสะสมทุน: จากเดิมที่เก็บข้าวสาลีกินวันต่อวัน เริ่มมีความขี้เกียจ “เก็บตุน” ไว้กินหลายวัน พอมีการสะสม ทรัพยากรก็เริ่มขาดแคลน (Resource Scarcity)
  4. อาชญากรรม: เมื่อที่ดินถูกแบ่งแยก (Private Property) การลักขโมยก็เกิดขึ้น

๔. กำเนิดการปกครอง: “มหาสมมติ” (The Great Elect) เมื่อสังคมวุ่นวาย มนุษย์จึงต้องหาทางออก ไม่ใช่โดยพระเจ้า แต่โดย “สัญญาประชาคม” (Social Contract) พวกเขาประชุมกันและตกลงเลือกคนที่ “แข็งแรงที่สุด ดีที่สุด” ขึ้นมาทำหน้าที่ระงับเหตุและลงโทษผู้กระทำผิด โดยทุกคนยอมแบ่งข้าวสาลีให้เป็นค่าตอบแทน คนผู้นั้นถูกเรียกว่า “มหาสมมติ” (ผู้ที่มหาชนยอมรับ/สมมติขึ้น) หรือ “กษัตริย์” (เกษตรบดีผู้เป็นใหญ่ในนา)

  • พราหมณ์: เกิดจากคนที่เบื่อหน่ายความชั่ว หนีเข้าป่าไปบำเพ็ญเพียร
  • แพศย์/ศูทร: เกิดจากคนที่ยึดอาชีพค้าขายหรือใช้แรงงาน

พระพุทธองค์ทรงสรุปว่า “ชนชั้นไม่ได้เกิดจากพระเจ้า แต่เกิดจากการแบ่งหน้าที่การงาน (Division of Labor) ตามวิวัฒนาการของสังคม”

๕. บทสรุป: ธรรมะคือตัวชี้วัดเดียว พระสูตรนี้จบลงด้วยการทลายกำแพงชนชั้นอย่างราบคาบ พระพุทธองค์ทรงยืนยันว่า: “ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ หรือศูทร… หากทำชั่ว ก็ตกนรกเหมือนกัน หากทำดี ก็ไปสวรรค์เหมือนกัน” ความประเสริฐไม่ได้อยู่ที่ DNA หรือนามสกุล แต่อยู่ที่ “วิชชาและจรณะ” (ความรู้และความประพฤติ)

ข้อคิดสำหรับคนยุคใหม่ อัคคัญญสูตร มอบแว่นตาใหม่ในการมองโลกให้เรา

  1. Inequality Roots: ความเหลื่อมล้ำไม่ได้เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เกิดจาก “ตัณหา” และ “การสะสม” ทรัพยากรเกินความจำเป็น
  2. Meritocracy: คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด (Birthright) แต่อยู่ที่การกระทำ (Action) และศีลธรรม
  3. True Evolution: วิวัฒนาการที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสะสมวัตถุ แต่คือการพัฒนาจิตใจเพื่อกลับไปสู่ความสว่างไสว (อาภัสสรพรหม) ที่เราเคยเป็นมา

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *