เจโตขีลสูตร: ถอน “ตะปู” ตัด “โซ่ตรวน” (ทำไมปฏิบัติธรรมตั้งนาน…จิตไม่ไปไหนสักที?)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตมุ่งมั่นในธรรมทุกท่าน

วันนี้อาตมาภาพมีเรื่องชวนสงสัยมาเล่าให้ฟัง โยมเคยรู้สึกไหม? เวลาเราตั้งใจจะทำอะไรดีๆ สักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ หรือรักษาศีล แรกๆ ไฟแรงมาก ตั้งใจดิบดี แต่พอทำไปสักพัก… ไฟมอด จิตมันรู้สึก “หนืดๆ” “ฝืดๆ” เหมือนรถที่ใส่เบรกมือค้างไว้แล้วพยายามจะเร่งเครื่อง หรือบางทีก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ ถ่วงขาเอาไว้ จะก้าวไปข้างหน้าก็ก้าวไม่ออก

รู้ไหมโยมว่าอาการแบบนี้ พระพุทธเจ้าท่านทรงวินิจฉัยไว้นานแล้ว ท่านบอกว่า จิตของโยมไม่ได้ป่วย จิตของโยมไม่ได้อ่อนแอ แต่จิตของโยมกำลังถูก “ตะปู” ตอกตรึงไว้ และถูก “โซ่ตรวน” ล่ามเอาไว้ต่างหาก!

ในพระสูตรที่ชื่อว่า “เจโตขีลสูตร” (Cetokhīla Sutta) พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบอาการ “จิตไม่เดิน” นี้ไว้อย่างน่าสนใจมาก วันนี้อาตมาจะพาโยมมาเป็นช่างกุญแจ มาไขแม่กุญแจที่ล็อกใจเราไว้ ให้เราได้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างอิสระเสรีเสียที

๑. ๕ ตะปูมรณะ: สิ่งที่ตอกตรึงใจไม่ให้ขยับ

พระพุทธองค์ตรัสว่า มีสิ่ง ๕ อย่างที่เปรียบเหมือน “ตะปู” (ขีละ) ที่ตอกตรึงใจไว้ ทำให้ใจมันแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น ไม่น้อมไปเพื่อความเพียร โยมลองเช็คดูนะว่า มีตะปูตัวไหนปักอยู่ที่ใจเราบ้าง?

  1. ตะปูตัวที่ ๑ (สงสัยในศาสดา): ลึกๆ แล้วเรายังไม่เชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า ๑๐๐% หรือเปล่า? ยังแอบคิดไหมว่า “ท่านรู้จริงเหรอ?”, “ตรัสรู้จริงเหรอ หรือเป็นแค่นิทาน?”
  2. ตะปูตัวที่ ๒ (สงสัยในพระธรรม): เรายังลังเลไหมว่า “ปฏิบัติไปแล้วจะพ้นทุกข์ได้จริงเหรอ?”, “มรรคผลนิพพานมีจริงไหมในยุคนี้?”
  3. ตะปูตัวที่ ๓ (สงสัยในพระสงฆ์): เวลาเห็นพระไม่ดี เราพาลเหมาเข่งหมดเลยไหมว่า “พระดีๆ ไม่มีแล้วมั้ง?”, “อริยสงฆ์คงสูญพันธุ์ไปแล้ว”
  4. ตะปูตัวที่ ๔ (สงสัยในสิกขา): เรายังแอบเถียงในใจไหมว่า “ศีลข้อนี้มันตึงไปไหม?”, “ยุคนี้มันต้องยืดหยุ่นสิ”
  5. ตะปูตัวที่ ๕ (โกรธเพื่อนพรหมจรรย์): อันนี้สำคัญมาก! คือการที่เรา “เหม็นขี้หน้า” เพื่อนนักปฏิบัติด้วยกัน โกรธพระอาจารย์ โกรธคนวัด พาลไม่อยากไปวัด ไม่อยากปฏิบัติธรรม

ถ้ามีตะปูพวกนี้ปักอยู่ แม้แต่ตัวเดียว… จิตโยมจะ “อัมพาต” ทันที โยมจะนั่งสมาธิก็ไม่สงบ จะเดินจงกรมก็ขี้เกียจ เพราะฐานรากของใจมันไม่มั่นคง มันสั่นคลอนด้วยความลังเลและความโกรธ

๒. ๕ โซ่ตรวน: พันธนาการที่ล่ามเราไว้กับโลก

นอกจากตะปูแล้ว ยังมี “เครื่องผูกพันใจ” (วินิพันธะ) อีก ๕ อย่าง ที่เปรียบเหมือนโซ่ล่ามขา ทำให้เราอยากจะบินสูง แต่บินไม่ขึ้น เพราะน้ำหนักถ่วงมันเยอะ

  1. ติดกาม (วัตถุ): ยังตัดใจจากของสวยของงามไม่ได้ ยังอยากได้มือถือใหม่ รถใหม่ เสื้อผ้าใหม่
  2. ติดกายตัวเอง: ห่วงสวย ห่วงหล่อ กลัวแก่ กลัวเจ็บ นั่งสมาธิหน่อยก็กลัวขาเสีย
  3. ติดรูปภายนอก: หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของคนอื่น
  4. ติดนอน (กินอิ่มนอนอุ่น): ข้อนี้โดนใจหลายคน! คือพวก “กินอิ่มแล้วหนังตาหย่อน” พอท้องตึงก็ขี้เกียจปฏิบัติ อยากจะเอนหลัง อยากจะงีบ ติดความสบาย (Comfort Zone)
  5. ติดสวรรค์ (ทำดีหวังผล): ปฏิบัติธรรมแทบตาย แต่เป้าหมายคือ “ขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นเทวดา”, “ขอให้รวย”, “ขอให้สวย” ไม่ได้ทำเพื่อความดับทุกข์จริงๆ

เห็นไหมโยม… โซ่พวกนี้แหละที่ดึงเราไว้ เราปากบอกอยากไปนิพพาน แต่อีกมือหนึ่งเรากอดโซ่พวกนี้ไว้แน่น แล้วเราจะไปถึงได้ยังไง?

๓. ทุบไข่ให้แตก: อิสรภาพที่รออยู่

พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบไว้อย่างเห็นภาพว่า ถ้าแม่ไก่กกไข่ดี ให้ความอบอุ่นสม่ำเสมอ ลูกไก่ย่อมเจาะเปลือกไข่ออกมาดูโลกได้ โดยที่แม่ไก่ไม่ต้องไปช่วยแกะเลย การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกันโยม ถ้าโยมสามารถ “ถอนตะปู ๕ ตัว” (ด้วยศรัทธาและความเคารพ) และ “ตัดโซ่ ๕ เส้น” (ด้วยการลดละความติดข้อง) จิตของโยมจะเหมือนลูกไก่ที่พร้อมจะเจาะเปลือกไข่ออกมา!

โยมไม่ต้องมานั่งบ่นว่า “เมื่อไหร่จะบรรลุ” เพราะเมื่อเครื่องพันธนาการหลุดออก… จิตมันจะพุ่งไปหาธรรมะเองโดยอัตโนมัติ (Auto-Pilot) มันจะขยันเอง มันจะเพียรเอง มันจะสงบเอง เพราะไม่มีอะไรมาฉุดรั้งมันไว้อีกแล้ว

สาธุชนทั้งหลาย…

วันนี้กลับไปสำรวจใจตัวเองให้ดีนะ อย่ามัวแต่โทษดินฟ้าอากาศ โทษวัด โทษครูบาอาจารย์ว่าปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล ให้หันมาดูที่ “ใจเรา” นี่แหละ

ถามใจตัวเองตรงๆ ซิ… “เรายังโกรธใครในวัดอยู่ไหม?” (ถ้ามี ไปขอขมาเขาซะ ถอนตะปูออก) “เรายังสงสัยในคำสอนข้อไหนไหม?” (ถ้ามี ไปศึกษาให้เข้าใจ ถามผู้รู้ให้กระจ่าง) “เรายังติดกิน ติดนอน ติดสบายเกินไปไหม?” (ถ้ามี ลองฝืนใจตัวเองดูบ้าง กินน้อยลงนิด ตื่นเช้าขึ้นหน่อย)

การถอนตะปูและตัดโซ่ มันอาจจะเจ็บปวดในช่วงแรก เพราะเราเคยชินกับความขี้เกียจ เคยชินกับความสบาย แต่เชื่อเถอะโยม… ความเจ็บปวดจากการฝืนกิเลส มันเทียบไม่ได้เลยกับ “รสชาติแห่งอิสรภาพ” ที่รออยู่

เมื่อใดที่ใจโยมเบา ไร้เครื่องถ่วง เมื่อนั้น โยมจะเข้าใจคำว่า “จิตผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” ว่ามันมีความสุขแค่ไหน ขอให้โยมทุกคนจงเป็นผู้กล้าหาญในการถอนตะปูและตัดโซ่ตรวนแห่งใจ เพื่อก้าวเดินไปบนหนทางแห่งความพ้นทุกข์ ได้อย่างสง่างามและมั่นคงทุกท่าน เทอญ.

เจริญพร.

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *