แฟ้มธรรม ตอนที่ ๕๐: ปฏิวัติการสอบ! สั่งใช้ “ข้อสอบเดียวกัน-วันเดียวกัน” ทั่วประเทศ (ประกาศปี ๒๔๗๐)
ในยุคแรกๆ การสอบนักธรรมในประเทศไทยยังไม่มี “มาตรฐานกลาง” ที่ชัดเจนเหมือนทุกวันนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ “ความเหลื่อมล้ำ”
ในยุคแรกๆ การสอบนักธรรมในประเทศไทยยังไม่มี “มาตรฐานกลาง” ที่ชัดเจนเหมือนทุกวันนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ “ความเหลื่อมล้ำ”
ในการบริหารงานยุคก่อน พ.ศ. ๒๔๗๐ การจัดการสอบนักธรรมมักรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง (กรุงเทพฯ) แต่เมื่อผู้เข้าสอบมีจำนวนมากขึ้นทั่วประเทศ การรอส่วนกลางเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทันกิน
ในสมัยแรกเริ่มที่มีการสอบนักธรรม ทางการคณะสงฆ์เคยมีธรรมเนียม “แจกพัด” ให้แก่ผู้ที่สอบได้ เพื่อเป็นเกียรติยศ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป การศึกษานักธรรมเจริญรุ่งเรืองมาก มีพระภิกษุสอบได้จำนวนมหาศาล
ในยุคหนึ่งเคยมีค่านิยมการเรียนแบบ “สอบควบ” คือลงสอบทั้งนักธรรมและบาลี หรือสอบนักธรรมหลายชั้นพร้อมกันในปีเดียว เพื่อหวังจะ “จบเร็ว” หรือเลื่อนสมณศักดิ์ไวๆ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่า ผู้เรียนมีความรู้แบบ “เป็ด” (รู้ไม่จริง/ไม่แน่น) เพราะต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือหลายวิชาจนลนลาน
ปัญหาคลาสสิกของ “งานทะเบียน” มีมาทุกยุคทุกสมัย! ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ เจ้าหน้าที่กองธรรมสนามหลวงต้องปวดหัวหนักกับปัญหา “รายชื่อนักเรียนตกหล่น”
ในการสอบยุคปัจจุบัน เราอาจกังวลเรื่องการลอกข้อสอบหรือทุจริต แต่ย้อนกลับไปเมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ย่างเข้า ๗ ปัญหาใหญ่ในการสอบนักธรรมกลับเป็นเรื่องของ “มารยาท”
เคยเจอปัญหา “ข้อสอบออกวน” หรือ “ไม่มีอะไรจะออกสอบ” ไหมครับ? ย้อนกลับไปเมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน การสอบนักธรรมชั้นโท วิชา “ตำนาน” (พุทธประวัติ/ประวัติสาวก) ก็เจอปัญหานี้เช่นกัน แต่สาเหตุนั้นเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ
การจัดสอบบาลีสนามหลวงหรือนักธรรมในอดีต ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ (สมัยรัชกาลที่ ๖) การสอบ “นักธรรมชั้นโท” เริ่มได้รับความนิยมในต่างจังหวัดมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาคือ “สนามสอบเบี้ยหัวแตก”
เคยสงสัยไหมว่าทำไมตารางสอบนักธรรมถึงจัดวิชาเรียงความ (กระทู้ธรรม) ไว้ท้ายสุด? หรือบางยุคก็ไว้ต้นสุด? ย้อนกลับไปเมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน ในสมัยรัชกาลที่ ๖ การสอบนักธรรมได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย บางจังหวัดมีคนมาร่วมลุ้นผลสอบนับพันคน! แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ “การตรวจข้อสอบไม่ทัน” ทำให้การประกาศผลล่าช้าจนดึกดื่น ผู้คนรอไม่ไหวจนทยอยกลับบ้าน ทำให้บรรยากาศที่ควรจะครึกครื้นกลับ “กร่อย” ลงไปถนัดตา
วิกฤตตำราเรียน เมื่อ “เสาหลัก” ล้ม ในปี พ.ศ. ๒๔๖๕ หลังจากที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (ผู้ทรงวางรากฐานการศึกษาสงฆ์) สิ้นพระชนม์ลง ทิ้งไว้เพียงผลงานชิ้นสุดท้ายคือหนังสือ “ธรรมวิจารณ์” ที่ยังทรงนิพนธ์ “ไม่จบ”

More