Tagged: การบริหารงานบุคคล
ในระบบราชการหรือองค์กรขนาดใหญ่ การบริหารทรัพยากรมนุษย์มิอาจปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งโดยปราศจากการตรวจสอบ ระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมภายใต้กฎหมายใหม่จึงได้ออกแบบ “กลไกเชิงโครงสร้าง” ที่น่าสนใจ โดยแบ่งแยกหน้าที่ระหว่าง คณะกรรมการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม (กบป.) ในฐานะ “สถาปนิก” ผู้ออกแบบมาตรฐาน และ คณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม (กศป.) ในฐานะ “ผู้รักษาประตู” (Gatekeeper) ที่มีอำนาจอนุมัติขั้นสุดท้าย
ในระบบการบริหารจัดการองค์กรสมัยใหม่ “ทุนมนุษย์” (Human Capital) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด แต่การจะบริหารบุคลากรจำนวนมากให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมได้นั้น จำเป็นต้องมี “ผู้ออกกฎ” หรือ Regulator ที่เข้มแข็ง ในระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ไทย ภายใต้ข้อบังคับปี พ.ศ. ๒๕๖๓ บทบาทนี้ตกเป็นของ คณะกรรมการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม (กบป.)
ภายใต้ร่มเงาของ พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ได้ถูกยกระดับเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานสากล โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การขับเคลื่อนของ “คณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม” (กศป.) ซึ่งทำหน้าที่เสมือน “สมองก้อนโต” หรือองค์กรนโยบายสูงสุด (Supreme Policy Body)
การขับเคลื่อนระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ จำเป็นต้องอาศัยกลไกการบริหารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหัวใจสำคัญอยู่ที่การแบ่งแยกอำนาจหน้าที่และการทำงานสอดประสานกันระหว่างสององค์กรหลัก ได้แก่ คณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม (กศป.) และ คณะกรรมการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม (กบป.)
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารการศึกษาพระปริยัติธรรมจาก ประกาศมหาเถรสมาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปสู่ พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ (และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง) นับเป็นการยกระดับโครงสร้างการกำกับดูแล การบริหารงานบุคคล และการจัดตั้งหน่วยงานให้มีความเป็นระบบและมีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น