Tagged: ประวัติการศึกษาคณะสงฆ์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นผู้ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทยครั้งสำคัญ จากระบบที่เน้นบาลีแบบเดิม สู่หลักสูตรที่เปิดกว้างโดยเน้น “ธรรมะภาษาไทย” ควบคู่กับการศึกษาภาษาบาลี
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พ.ศ. ๒๔๐๓ – ๒๔๖๔) ทรงได้รับการยกย่องเป็น “สถาปนิกเอก” ผู้วางรากฐานการศึกษาและการบริหารคณะสงฆ์ไทยสมัยใหม่ พระกรณียกิจในการปฏิรูปการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมของพระองค์ คือจุดกำเนิดของระบบ “นักธรรม” และ “สนามหลวง” ที่มีมาตรฐานสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงดำรงฐานะเป็น แม่กองธรรมสนามหลวงรูปแรก (โดยพฤตินัย) ผู้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การศึกษาไทย
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ (เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ และต่อมาทรงเลื่อนเป็น กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์) ทรงเป็นพระมหาเถระผู้เปี่ยมด้วยพระวิสัยทัศน์ และทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางรากฐานและจัดวางระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมของคณะสงฆ์ไทยให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสืบสานพระราชปณิธานในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ในการจัดระบบ “นักธรรม” ให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงสืบมา
การศึกษาพระพุทธศาสนาในระบบคณะสงฆ์ไทย มีโครงสร้างที่เป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน ซึ่งรากฐานสำคัญนี้วางโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระองค์ทรงปฏิรูปการศึกษาโดยอิงจากพระวินัย และจัดระบบ “ภูมิความรู้” อันเป็นต้นแบบของหลักสูตรนักธรรมในปัจจุบัน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญทางรัฐประศาสโนบายของรัฐบาลสยาม ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่กระตุ้นให้คณะสงฆ์ต้องเร่งสร้างมาตรฐานการศึกษาใหม่ จนนำไปสู่การวางรากฐานระบบการสอบ “นักธรรม” อย่างเป็นทางการ คือการประกาศใช้ พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔)
การสอบนักธรรมอย่างเป็นทางการ ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ (ร.ศ. ๑๓๐) เมื่อทางราชการขอให้มหาเถรสมาคมกำหนดหลักสูตร เพื่อเป็นเกณฑ์ “สามเณรรู้ธรรม” สำหรับยกเว้นการเกณฑ์ทหาร
การศึกษานักธรรมในครั้งนั้น เป็นที่นิยมและเป็นที่ยกย่องทั้งในวงการคณะสงฆ์และในทางราชการ ผู้ที่สอบได้ประโยคนักธรรม เมื่อลาสิกขาออกไป ก็สามารถรับราชการเป็น ครู สอนตามโรงเรียนต่าง ๆ ได้
ระเบียบการสอบนักธรรม ถือเป็นกลไกสำคัญในการวัดผลและมาตรฐานการศึกษาของคณะสงฆ์ไทย ในอดีตได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมและการขยายตัวของการศึกษา โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อประสานแผนกธรรมและแผนกบาลีให้มีความเป็นเอกภาพ และส่งเสริมให้การศึกษาพระปริยัติธรรมแพร่หลายไปในวงกว้าง
การสอบนักธรรมทั้ง ๓ ชั้นในระยะแรกนั้น เป็นที่สนใจของทายกทายิกาเป็นอันมาก จึงมีผู้มาร่วมดูการสอบและรอฟังผลการสอบกันมาก ทั้งภิกษุสามเณรและชาวบ้าน การตรวจและประกาศผลจึงทำให้เสร็จภายในวันสุดท้ายของการสอบ เพราะจำนวนผู้เข้าสอบในแต่ละสนามยังมีไม่มากนัก แต่บางสนามกว่าจะตรวจและประกาศผลได้ก็มืดค่ำหรือดึก ไม่เป็นการสะดวกแก่ผู้มาร่วมฟังผลการสอบ
พัดนักธรรม: เกียรติยศแห่งผู้รู้ธรรม เมื่อแรกตั้งนักธรรมชั้นตรีขึ้นนั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ได้โปรดให้ทำพัดรอง มีตราคณะสงฆ์ (ตราธรรมจักร) ประทานแก่ผู้สอบนักธรรมชั้นตรีได้ เพื่อเป็นการยกย่องนักธรรม ครั้นการสอบนักธรรมชั้นตรีแพร่หลายไป มีผู้สอบนักธรรมชั้นตรีได้มากขึ้น ผู้ได้รับประทาน พัดนักธรรม ก็มีมากขึ้น จนผู้ได้รับพัดนักธรรมไม่รู้สึกว่าเป็นเกียรติยศ จึงไม่ค่อยนิยมถือกัน